skip to main | skip to sidebar
KMBeung

30 มิถุนายน 2552

ว่าง
เขียนโดย รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ฝ่ายส่งเสริมการจัดการเรียนรู้)
บทความใหม่กว่า บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก

ความรู้ KM

  • KM KKU : การจัดการความรู้มหาวิทยาลัยขอนแก่น - Home
  • TISTR KM Website - คลังความรู้ KM
  • สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
  • การจัดการองค์ความรู้ในส่วนราชการ (Knowledge Management)
  • การจัดการความรู้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

สถิติผู้เข้าชม

Free Website Counter
Free Counter

blog ของเรา

  • งานการส่งเสริมระบบการเรียนการสอน
  • งานข้อมูลท้องถิ่น
  • งานผลิตมัลติมีเดีย

การจัดการความรู้

(Knowledge Management : KM)
........ภายใต้สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ หน่วยงานที่มีภารกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนการสอนและการเรียนรู้ของนักศึกษาโดยการให้บริการสื่อต่าง ๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์จำพวกหนังสือ ตำรา วารสาร นิตยสาร รวมความว่าเป็นห้องสมุดของมหาวิทยาลัยนั่นเอง ตลอดจนการให้บริการสื่อโสตทัศนูปกรณ์ต่าง ๆ ไปจนถึงการให้บริการผลิตสื่อมัลติมีเดีย การจัดการข้อมูลท้องถิ่น การส่งเสริมการจัดระบบการเรียนการสอน และการจัดการความรู้
........การจัดการความรู้ในที่นี้มีขอบเขตในการดำเนินงานเฉพาะในสำนักวิทยบริการอ้นเป็นองค์กรเล็ก ๆ กระจุ๋มกระจิ๋มของพวกเราเท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้


วัตถุประสงค์
........1. เป็นเวทีเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้ต่าง ๆ โดยเฉพาะความรู้ที่สั่งสมมาโดยภูมิปัญญาในท้องถิ่นที่กำลังสูญหาย
........2. เป็นแหล่งเก็บหลักฐานข้อมูลเกี่ยวกับความรู้ที่ได้จากกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันของบุคลากรหรือชุมชน
........3. ส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ร่วมกันของบุคลากรในหน่วยงานหรือระหว่างหน่วยงานให้เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้
........4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรในท้องถิ่นเรียนรู้ร่วมกันเป็นชุมชนนักปฏิบัติ

การจัดทำแผนการจัดการความรู้

........ด้วยความห่วงใยในความเข้าใจเบื้องต้นของผู้อ่านซึ่งอาจมีหลายระดับ จึงของกวาดเกลี่ยความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการความรู้ให้ราบเรียบไร้ผิวพื้นตะปุ่มตะป่ำเสียก่อนนะครับ

การจัดการความรู้เบื้องต้น
........การจัดการความรู้ในองค์กร หมายถึง การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือเอกสารมาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด โดยความรู้มี 2 ประเภทคือ
.....- ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์หรือสัญชาตญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเเคราะห์ บางครั้งจึงเรียกว่าเป็นความรู้ในแบบนามธรรม
.....- ความรู้ที่ชัดเเจ้ง (Explicit Konwledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่างๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่างๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม

........แนวคิดการจัดทำแผนการจัดการความรู้ (knowledge Management Action Plan) ตามคู่มือฉบับนี้ได้นำแนวคิดเรื่องกระบวนการจัดการความรู้ (knowledge Management Process) และกระบวนการบริหารการจัดการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) มาประยุกต์ใช้ในการจัดทำแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)

กระบวนการการจัดการความรู้

กระบวนการการจัดการความรู้
(Knowledge Management Process)

กระบวนการจัดการความรู้

.....(Knowledge Management Process)

........เป็นกระบวนการแบบหนึ่งที่จะช่วยให้องค์กรเข้าใจถึงขั้นตอนที่ทำให้เกิดกระบวนการจัดการความรู้ หรือพัฒนาการของความรู้ที่จะเกิดขึ้นภายในองค์กร ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนดังนี้
.....1) การบ่งชี้ความรู้-เช่นพิจารณาว่าวิสัยทัศน์/พันธกิจ/เป้าหมายคืออะไรและเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเราจำเป็นต้องรู้อะไร,ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้าง,อยู่ในรูปแบบใด,อยู่ที่ใคร
.....2) การสร้างและแสวงหาความรู้-เช่น การสร้างความรู้ใหม่,แสวงหาความรู้จากภายนอก,รักษาความรู้เก่า,กำจัดความรู้ที่ไม่ใช้แล้ว
.....3) การจัดความรู้ให้เป็นระบบ-เป็นการวางโครงสร้างความรู้เพื่อเตียมพร้อมสำหรับการเก็บความรู้อย่างเป็นระบบในอนาคต
.....4) การประมวลและกลั่นกรองความรู้-เช่นปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน,ใช้ภาษาเดียวกัน,ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์
.....5) การเข้าถึงความรู้-เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้นั้นเข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT), Web board, บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
.....6) การแบ่งปันเเลกเปลี่ยนความรู้-ทำได้หลายวิธีการ โดยกรณีเป็น Explicit Knowledge อาจจัดทำเป็นเอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศหรือกรณีเป็น Tacit Knowledge อาจจัดทำเป็นระบบทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ระบบพี่เลี้ยง การสับเปลี่ยนงาน การยืมตัว เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นต้น
.....7) การเรียนรู้-ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่น เกิดระบบการเรียนรู้จาก สร้างองค์ความรู้>นำความรู้ไปใช้>เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง


กระบวนการบริหารการจัดการความรู้

กระบวนการบริหารการจัดการความรู้
........กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) เป็นกรอบความคิดแบบหนึ่งเพื่อให้องค์กรที่ต้องการจัดการความรู้ภายในองค์กร ได้มุ่งเน้นถึงปัจจัยแวดล้อมภายในองค์กรที่จะมีผลกระทบต่อการจัดการความรู้ ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ ดังนี้
.....1) การเตรียมการและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม-เช่น กิจกรรมการมีส่วนร่วมและสนับสนุนจากผู้บริหาร (ที่ทุกคนมองเห็น), โครงสร้างพื้นฐานขององค์กร,ทีม/หน่วยงานที่รับผิดชอบ,มีระบบการติดตามและประเมินผล,กำหนดปัจจัยแห่งความสำเร็จชัดเจน
.....2) การสื่อสาร-เช่น กิจกรรมที่ทำให้ทุกคนเข้าใจถึงสิ่งทึ่องค์กรจะทำ,ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับทุกคน,แต่ละคนจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร
.....3) กระบวนการและเครื่องมือ-ช่วยให้การค้นหา เข้าถึง ถ่ายทอด และแลกเปลี่ยนความรู้สะดวก รวดเร็วขึ้น โดยการเลือกใช้กระบวนการและเครื่องมือ ขึ้นอยู่กับชนิดของความรู้,ลักษณะขององค์กร (ขนาด,สถานที่ตั้ง ฯลฯ),ลักษณะการทำงาน,วัฒนธรรมองค์กร,ทรัพยากร
.....4) การเรียนรู้-เพื่อสร้างควมเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญและหลักการของการจัดการความรู้ โดยการเรียนรู้ต้องพิจารณาถึงเนื้อหา,กลุ่มเป้าหมาย,วิธีการ,การประเมินผลและปรับปรุง
.....5) การวัดผล-เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินการได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่,มีการนำผลของการวัดมาใช้ในการปรับปรุงแผนและการดำเนินการให้ดีขึ้น,มีการนำผลการวัดมาใช้ในการสื่อสารกับบุคลากรในทุกระดับให้เห็นประโยชน์ชองการจัดการความรู้และการวัดผลต้องพิจารณาว่าจะวัดผลที่ขั้นตอนไหน ได้แก่ วัดระบบ (System),วัดที่ผลลัพธ์ (Out put), หรือวัดที่ประโยชน์ที่จะได้รับ (Out come)
.....6) การยกย่องชมเชยและให้รางวัล-เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการมีส่วนร่วมของบุคลากรในทุกระดับ โดยข้อควรพิจารณาได้แก่ ค้นหาความต้องการของบุคลากร,แรงจูงใจระยะสั้นและระยะยาว,บูรณาการกับระบบที่มีอยู่,ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับกิจกรรมที่ทำในแต่ละช่วงเวลา

2.3 องค์กรจะต้องมองภาพรวมของปัจจัยแวดล้อมภายในองค์กรที่จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) ของงองค์กร โดยการนำกระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงมาเชื่อมโยง เพื่อจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเสริมสร้างสภาพแวดล้อม ที่จะทำให้กระบวนการจัดการความรู้มีชีวิตหมุนต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้เกิดการจัดการความรู้ขององค์กรที่มีประสิทธิผลโดยจัดทำเป็นแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) และนำไปสุ่การปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริงๆ

2.4 ตามแนวคิดนี้องค์กรต้องมีการกำหนดขอบเขต KM (KM Focus Area) และเป้าหมาย KM (Desired State) ที่องค์กรต้องการเลือกทำ เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ตามแผนบริหารราชการแผ่นดิน ตามเนื้อหาในบทที่ 2 และบทที่ 3 ตามลำดับ

2.5 การกำหนดขอบเขต KM และเป้าหมาย KM เพื่อต้องการจัดการความรู้ที่จำเป็นต้องมีในกระบวนงาน (Work Process) เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ตามแผนบริหารราชการแผ่นดิน ที่องค์กรได้จัดทำขึ้นไว้ในข้อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) งบประมาณประจำปี 2548

2.6 องค์กรต้องมีการประเมินองค์กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ (KM Assessment Tool : KMAT) หรือวิธีการประเมินงองค์กรตนเองแบบใดก็ได้ที่นอกเหนือจาก KMAT เพื่อทราบถึงจุดอ่อน-จุดแข็ง/โอกาส-อุปสรรค ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญต้องปรับปรุง-รักษาไว้/พัฒนาให้การจัดการความรู้บรรลุผลตามเป้าหมาย KM ตามเนื้อหาในบทที่ 4

2.7 องค์กรต้องนำผลลัพธ์ของการประเมินตนเอง จากข้อ 1.6 เพื่อนำมากำหนดหาวิธีการสู่ความสำเร็จไว้ในแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) โดยอาจจะเป็นแผนการจัดความรู้ระยะสั้นภายในปีงบประมาณ 2549 หรือเป็นแผนระยะยาว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย KM ที่องค์กรเลือกทำ รวมถึงความพร้อมจากผลการประเมินตนเอง

2.8 องค์กรต้องมีการกำหนด โครงสร้างทีมงาน KM เพื่อมาดำเนินการตามแผนการจัดการความรู้ให้การจัดการความรู้ ให้การจัดการความรู้บรรลุตามเป้าหมาย KM ตามเนื้อหาในบทที่ 5

2.9 เมื่อองค์กรได้ดำเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ เพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ตามแผนปี 2549 แล้ว ผู้บริหารทุกระดับต้องร่วมผลักดันให้เกิดการบูรณาการ กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) ให้ยึดถือปฏิบัติอยู่ในกระบวนงาน (Work Process) ของข้าราชการ รวมถึงบูรณาการกระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) ให้เกิดขึ้น ในการปฏิบัติราชการขององค์กรในขอบเขต KM และเป้าหมาย KM ในเรื่องอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้ส่วนราชการและจังหวัดมีลักษณะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ

การกำหนดขอบเขต KM

(KM Focus Areas)

2.1
ขอบเขต KM (KM Focus Areas) เป็นหัวเรื่องกว้างๆ ของความรู้ที่จำเป็นและสอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์ตามแผนบริหารราชการแผ่นดินซึ้งต้องการจะนำมาใช้กำหนดเป้าหมาย KM (Desired State)

2.2 ในการกำหนดขอบเขต KM ควรกำหนดกรอบตามองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อกระบวนงาน (Work Process) ในข้อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ที่ได้นำเสนอสำนักงาน กพร. ไว้ในปี 2548 ก่อนเป็นลำดับแรกหรืออาจกำหนดขอบเขต KM ตามองค์ความรู้ที่จำเป็นต้องมีในองค์กรเพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุตามประเด็นยุทธศาสตร์อื่นๆ ขององค์กร

2.3 แนวทางการกำหนดขอบเขต KM (KM Focus Areas) และเป้าหมายน KM (Desired State)

........องค์กรสามารถใช้แนวทางการกำหนดขอบเขตและเป้าหมาย KM เพื่อจะช่วยรวบรวมขอบเขต KM และนำไปกำหนดเป้าหมาย KM และแผนการจัดการความรู้ดังนี้

...- แนวทางที่ 1 เป็นความรู้ที่จำเป็นสนับสนุนพันธกิจ/วิสัยทัศน์/ประเด็นยุทธศาสตร์ ในระดับของหน่วยงานตนเอง

...- แนวทางที่ 2 เป็นความรู้ที่สำคัญต่อองค์กร

...- แนวทางที่ 3 เป็นปัญหาที่ประสบอยู่ และสามารถนำ KM มาช่วยได้...- หรือเป็นแนวทางอื่นๆ นอกเหนือจากแนวทางที่ 1,2 และ 3 ก็ได้ที่หน่วยงานเห็นว่าเหมาะสม

2.4 ให้รวบรวมแนวคิดการกำหนดขอบเขต KM จากข้อ 2,3 แล้วกรอบขอบเขต KM ที่สามารถรวบรวมได้ทั้งหมดลงในแบบฟอร์มที่ 1 โดยทุกขอบเขต KM ที่กำหนดต้องสนับสนุนกับประเด็นยุทธศาสตร์ของระดับหน่วยงานตนเอง และประเด็นยุทธศาสตร์นั้นควรต้องได้ดำเนินการมาระดับหนึ่งแล้ว (ถ้ามี)

2.5 แนวทางการตัดสินใจเลือกขอบเขต KM ให้องค์กรพิจารณาเกณฑ์การคัดเลือกขอบเขต KM ตามที่ให้ไว้เป็นแนวทาง เพื่อใช้กรอกลงในแบบฟอร์ม 2 พร้อมให้คะแนนตามเกณฑ์ที่องค์กรต้องการคือ

...- สอดคล้องกับทิศทางและประเด็นยุทธศาสตร์ในระดับของหน่วยงานของตนเอง

...- ทำให้เกิดการปรับปรุงที่เห็นได้ชัดเจน (เป็นรูปธรรม)

...- มีโอกาสทำได้สำเร็จสูง (โดยพิจารณาจากความพร้อมด้านคน งบประมาณ เทคโนโลยี วัฒนธรรมองค์กร ระยะเวลาดำเนินงาน)

...- เป็นเรื่องที่ต้องทำ คนส่วนใหญ่ในองค์กรต้องทำ

...- ผู้บริหารให้การสนับสนุน

...- เป็นความรู้ที่ต้องการอย่างเร่งด่วน

...- อื่นๆ สามารถเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมขององค์กร

2.6 ผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กร จะต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดขอบเขต KM (KM Focus Areas) และเป้าหมาย KM (Desires State) เพื่อมั่นใจว่าสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ขององค์กรอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะบูรณาการการจัดการความรู้ให้เกิดขึ้นในการปฏิบัติราชการขององค์กรด้วยการสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นในทุกด้าน

2.7 ให้กำหนดรายชื่อผู้มีส่วนร่วมกับผู้บริหารระดับสูงในการตัดสินใจเลือกขอบเขต KM (KM Focus Areas) ตามแบบฟอร์ม 2 และเป้าหมาย KM (Desired State) ตามแบบฟอร์ม 3 โดยให้ระบุถึงชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งงาน และหน่วยงานที่สังกัดอยู่ตามผังองค์กรปัจจุบันของผู้มีส่วนร่วมทุกด้าน

การกำหนดเป้าหมาย KM

KM (Desired State)

3.1 เป้าหมาย KM (Desired State) เป็นหัวเรื่องความรู้ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับประเด็นยุทธศาสตร์ตามแผนบริหารราชการแผ่นดิน โดยสอดคล้องกับขอบเขต KM (KM Focus Areas) ที่ได้เลือกมาจัดทำและสามารถวัดผลได้เป็นรูปธรรม

3.2 จากขอบเขต KM (KM Focus Areas) ที่กำหนดไว้ทั้งหมดในแบบฟอร์ม 1 ให้นำขอบเขต KM เดียวกันที่ได้คะแนนสูงสุด ตามแบบฟอร์ม 2 มาใช้กำหนดเป้าหมาย KM (Desired State) พิจารณาดังนี้
...- ระดับสำนักงานปลัด/กรม/จังหวัด ให้มีอย่างน้อย 3 เป้าหมาย KM โดยต้องมาจากขอบเขต KM เดียวกันที่ได้คะแนนสูงสุดและจากนั้นให้เลือกมาเพียง 1 เป้าหมาย KM ที่องค์กรต้องการเลือกทำมาจัดแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)
...- ในการส่งเอกสารให้สำนักงาน กพร. ขอให้แสดงอย่างน้อย 3 เป้าหมาย KM จากขอบเขต KM เดียวกันที่ได้คะแนนสูงสุด และ 1 เป้าหมาย KM ที่องค์กรต้องการเลือกทำเพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ตามแผนบริหารราชการแผ่นดิน

การจัดทำแผนการจัดการความรู้

(KM Action Plan)

4.1แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) เป็นแผนงานที่แสดงถึงรายละเอียดการดำเนินงานของกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้องค์กรบรรลุผลตามเป้าหมาย KM (Desired State) ที่กำหนด
4.2 จากการทวนสอบความถูกต้องและเหมาะสมของขอบเขต KM (KM Focus Areas) และเป้าหมาย KM (Desired State)ให้องค์กรนำหัวข้อเป้าหมาย KM ที่องค์กรต้องการเลือกทำคือ เป้าหมาย KM ที่ xx 1 เป้าหมาย KM (Desired State) มาจัดทำแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 โดยการจัดทำแผนจะขึ้นอยู่กับความพร้อมขององค์กรที่ทำให้เป้าหมาย KM บรรลุผลสำเร็จ
4.3 การเริ่มต้นจัดทำแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) องค์กรควรจัดทำการประเมินองค์กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ เพื่อให้ทราบถึงความพร้อม (จุดอ่อน-จุดแข็ง/โอกาส-อุปสรรค) ในเรื่องการจัดการความรู้ และนำผลการประเมินนี้ใช้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการจัดทำแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ให้สอดรับกับเป้าหมาย KM (Desired State) ที่เลือกไว้
.....4.3.1 KMAT (The Knowledge Management Assessment Tool : KMAT) เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ในการประเมินองค์กรตนเองในเรื่องการจัดการความรู้ และให้ข้อมูลกับองค์กรว่ามีจุดอ่อน-จุดแข็ง/โอกาส-อุปสรรค ในการจัดการความรู้เรื่องใดบ้าง โดยเครื่องมือชนิดนี้แบ่งเป็น 5 หมวดดังนี้
........หมวด 1 กระบวนการจัดการความรู้ หมวด 2 ภาวะผู้นำ หมวด 3 วัฒนธรรมในเรื่องการจัดการความรู้ หมวด 4 เทคโนโลยีการจัดการความรู้ หมวด 5 การวัดผลการจัดการความรู้
.....4.3.2 การประเมินองค์กรตนเองเรื่องการจัดความรู้โดยวิธีอื่นๆ เช่น แบบสอบถาม รายงานการวิเคราะห์องค์กร หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสม
........- การประเมินองค์กรตนเองเรื่องการจัดความรู้นั้น องค์กรสามารถเลือกวิธีใดๆ ก็ได้ที่องค์กรมีความเข้าใจหรือถ้าองค์กรได้มีการประเมินองค์กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้มาบ้างแล้วก็สามารถใช้วิธีนั้นๆ ได้
4.4 การประเมินองค์กรตนเองดังกล่าว ให้เป็นการระดมสมองกันภายในองค์กรตนเอง โดยอย่างน้อยจะต้องเป็นบุคลากรที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับขอบเขต KM และเป้าหมาย KM (KM Focus Area และ Desired State) ที่เลือกไว้
4.5ผลลัพธ์ที่ได้จากการประเมินตนเองเรื่องการจัดการความรู้ ต้องเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนกับขอบเขตและเป้าหมาย KM ที่เลือกขึ้นมาจัดทำ เพื่อที่จะสามารถจัดทำแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) มาสอดรับกับผลลัพธ์ที่ได้จากการประเมิน และส่งผลให้เป้าหมาย KM บรรลุผลสำเร็จได้ตามแผน
4.6 ผู้รับผิดชอบในการประเมินองค์กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ อย่างน้อยต้องเป็นบุคลากรที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับขอบเขตและเป้าหมาย KM (KM Focus Area และ Desired State) ที่เลือกขึ้นมาจัดทำ
4.7 ผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กร ต้องมีส่วนร่วมในการประเมินองค์กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้เพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับขอบเขตและเป้าหมาย KM ที่เลือกขึ้นมาจัดทำ
4.8 ให้กำหนดรายชื่อผู้มีส่วนร่วมกับผู้บริหารระดับสูง ที่ร่วมในการประเมินองค์กรตนเองเรื่องการจัดการความรู้ โดยให้ระบุชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งงาน และหน่วยงานที่สังกัดอยู่ตามแผนผังองค์กรปัจจุบันของผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน
4.9 เพื่อให้การจัดทำแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) มีประสิทธิผลมากขึ้น ให้องค์กรประเมินปัจจัยแห่งความสำเร็จ (Key Success Factor) สำหรับการวางระบบการจัดการความรู้ และการนำระบบไปปฏิบัติ แล้วให้องค์กรระบุมา 5 ปัจจัยหลัก เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานการจัดทำแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ให้สามารถนำระบบไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในหน่วงงาน
4.10 การจัดทำแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ควรจะพิจารณาการเชื่อมโยงกับกับข้อเสนอการเปลี่ยนแปลง (Blueprint for Change) ตามประเด็นยุทธศาสตร์ที่ได้ปฏิบัติตามข้อเสนอไปแล้ว หรือที่อยู่ในช่วงกำลังปฏิบัติ ซึ่งองค์กรได้คัดเลือกไว้ในแผนปี งบประมาณ พ.ศ. 2548 เช่น
.....- KM Team ต้องประกอบด้วยใคร ตำแหน่งงานใด หน่วยงานใด เพื่อมาช่วยในการทำตามเป้าหมาย KM ที่เลือกไว้ ก็ควรจะเชื่อมโยงการจัดแบ่งงานและหน้าที่ เพื่อให้เป็นหน่วยงานหนึ่งของแผนผังโดยรวมขององค์กร
.....- ถ้าเรื่องใดต้องได้รับความรู้จากการฝึกอบรม ก็ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้อ บุคลากร
.....- ถ้าเรื่องใดต้องการใช้เทคโนโลยี เช่น ด้าน IT ก็ควรจะเชื่อมโยงกับหัวข้อเทคโนโลยี
4.11 การจัดทำแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ควรกำหนดวันเวลาเพิ่มเติมในเรื่องต่อไปนี้ไว้ด้วย
.....- วันเวลาที่ผู้บริหารระดับสูงสุด, CKO และทีมงาน KM ประชุมทบทวนร่วมกันเป็นช่วงระยะเวลาตามความเหมาะสมภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549
.....- วันเวลานัดที่ปรึกษาเข้าติดตามผลการดำเนินงานตาม KM Action Plan โดยส่วนราชการและจังหวัด จะต้องเตรียมเนื้อหาเพื่อไว้นำเสนอที่ปรึกษาถึงความคืบหน้าของผลงานเป็นระยะตามความเหมาะสมภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ฝ่ายส่งเสริมการจัดการเรียนรู้)
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน